I, BUDDHIST

**บทความแหวกแนวที่ผมไม่เคยเขียนออกที่สาธารณะมาก่อน แต่ต้องมีหนึ่งจึ่งมีสอง และภาษาที่ผมจะใช้ก็ขอเสร่อๆตามประสาคนชอบดัดจริตใช้คำอังกฤษหน่อยแล้วกัน ไม่พอใจ ไม่ต้องอ่าน ผมยังไม่บรรลุ แต่ผมอยากเขียน**

ผมเริ่มศึกษาพุทธศาสน์เป็นเรื่องเป็นราวก็คราวที่ต้องอยู่คนเดียวเป็นปีๆ ที่นี่นี่แหล่ะ สิ่งที่ผมได้รับรู้ นั้นตอบคำถามที่ขจัดความงมงายของผมออกไป น่าจะเรียกได้ว่า เกือบสิ้น เพราะยังไม่แน่ใจว่ามีอะไรที่ผมยังงมงายอยู่อีก อย่างเช่น จากเคยกลัวผี ก็ไม่กลัว - ที่ยังกลัวในที่มืดคือ กลัวสัตว์ร้าย หรือ กลัวคนทำร้ายมากกว่า

มีคนอีกไม่น้อย ตั้งแง่สงสัยเรื่องราวลี้ลับ ไสยศาสตร์ เป็นเรื่องเกิดปัญญามนุษย์ ผนวกเข้ากับพุทธ แล้วทำเอาภาพของพุทธ โดยเฉพาะในไทย กลายเป็นพิธีกรรม และ ไสยศาสตร์รวมกันไปโดยสิ้นเชิง
บางคนยังถามว่า ผีมีจริงหรือไม่
บางคนยังถามว่า คุณไสย์มีจริงหรือไม่
บางคนยังถามว่า รำลึกชาติได้จริงหรือไม่
ดูดวง แก้กรรม เสดาะเคราะห์

ทั้งหลายนี้ ล้วนแล้วแต่มีคำตอบ แต่ผมตอบให้ไม่ได้ ด้วยปัญญาของผมยังคับแคบ แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญและน่าูรู้กว่าคำถามเหล่านั้นคือ ทางดับทุกข์
รู้ว่าผีมีหรือไม่มี หายทุกข์ไหม?
รู้ว่าคุณไสย์มีหรือไม่มี หายทุกข์ไหม?
รู้ว่าคนรำลึกชาติได้หรือไม่ได้ หายทุกข์ไหม?
ดูดวง แก้กรรม เสดาะเคราะห์ ทำได้จริงหรือไม่จริง หายทุกข์ไหม?
อภินิหารในทางพุทธมีจริงไหม พระพุทธเจ้าเหาะได้หรือเปล่า? รู้ไปแล้วหายทุกข์ไหม?

ถ้าตอบว่าหายทุกข์เพราะได้รู้คำตอบ นั่นแสดงว่า คุณตั้งคำถามให้ตัวเองเป็นทุกข์เอง คำถามแบบนี้เรียกว่า ไม่เป็นกุศล คำถามที่เป็นกุศล เป็น primitive ของทุกคำถามในทางพุทธคือ "ทำอย่างไรจะล่วงทุกข์"

สิ่งที่ผมจะพูดถึงนั้นอ้างอิงตามหลักพุทธ ที่พื้นฐานมากๆ พอเอาไปแตกแขนงออกไปในเรื่องของการพ้นทุกข์ ให้พูดยังไงก็ถูก (ถ้าไม่มีทิฐิมั่วซั่วนะ) นั่นคือ อริยสัจ 4

เหตุแห่งทุกข์ล้วนเกิดจากการกระทำของตัวเองทั้งนั้น ทำเรื่องเลวร้ายลงไปแล้ว ยังจะไปหวังแก้ผลที่จะตามมาในอนาคต เปลี่ยนแนวทาง (ภาษาปะกิตติดเสร่อเรียกว่า approach to ดับทุกข์ หรือ How to ดับทุกข์) เป็นไม่ทำเรื่องเลวร้าย และมีสติมั่นในการรู้เห็นตามจริง ดีกว่าไหม?์

เห็นคนโง่ กำลังทำให้เราเดือดร้อน ก็เห็นว่ามันโง่นะ มันกำลังทำให้เราเดือดร้ิอนนะ ไม่ต้องไกรธ
เห็นผู้หญิง ทรวดทรงองค์บึ้ม ก็เห็นนะ ไม่ต้องไปปรุงแต่ง เช่นคิดไปว่า ถ้าฉันได้ X ฉัุนจะ Y แล้วก็จะ Z กร้ากส์!!! เพ้อเจ้อ!! พอไม่ได้ดังนั้นก็ทุกข์อีก เพราะอยากได้เข้าแล้ว

------------ ตัวผมเอง เมื่อเริ่มที่จะมองอะไรตามจริงไม่ปรุงแต่ง ผมก็ได้เห็นว่าก่อนหน้านี้ผมโง่เง่าแค่ไหน
โง่ขนาด โมโห น้อยใจ พ่อแม่ตัวเอง
โง่ขนาด เจ็บใจ ฟูมฟาย เพราะโดนปฏิเสธทุนมาเรียน
โง่ขนาด ท้อใจ เบียดเบียนตัวเอง ตีอก ชกหัว เพราะเรื่องผิดหวัง
เป็นทาสอารมณ์ของตัวเองมานานแค่ไหนแล้ว เพิ่งจะรู้ตัวก็ไม่นานนี้

ผมยังไม่ถึงขั้นธัมมะัธัมโมขนาดที่ใครเห็นจะต้องเรียกว่าพ่อมหา วันนี้ผมกลายเป็นคนไม่ทุกข์ง่าย ใครแกล้ง ใครชัง ผมก็ไม่ทุกข์ ผมสิ กลับไปแกล้งเค้ากลับ ไปยั่วโมโหเค้า โดยที่รู้ว่าทำยังไงเค้าถึงจะโมโห ไม่อยากบอกว่า เป็นความสนุกอีกแบบ

ผมได้มีโอกาสนั่งคุยกับคนที่มีปัญหาชีวิต แล้วสะท้อนให้เห็นว่า เรื่องพวกนี้ จริงๆแล้ว มันไม่เห็นน่าจะเป็นปัญหาเลย คงมีคนบอกว่า แหงหล่ะ ไม่ได้อยู๋ในสถานการณ์แบบเค้า คงไม่เข้าใจ คนที่จมอยู่กับสถานการณ์ต่างหากที่ไม่เข้าใจคนอื่น หูตาคับแคบ ปิดกั้นตัวเอง ทำตัวดูน่าสงสาร ถ้าจะให้คอยปลอบปะโลม พูดไปก็เท่านั้น คนมีปัญหาไม่คิดเอาตัวเองออกจากปัญหาเอง แล้วยังง่าวทำผยอง อย่างนี้ จึงน่าปล่อย คำแนะนำบางทีที่ผมให้ไปจะตอบด้วย อริยสัจ 4 ง่ายๆ หาตัวทุกข์ให้เจอ(ทุกข์) หาสาเหตุว่าอะไรทำให้เกิด(สมุทัย) ความเข้าใจเกี่ยวกับการดับทุกข์นั้น(นิโรธ) และ หนทางสู่ความดับทุกข์(มรรค)

ผมไม่ได้จะเปลี่ยนเพื่อนที่นับถือศาสนาอื่นเข้ามาทางนี้ ไม่จำเป็น พุทธไม่ได้บอกให้ท่านต้องสมาทาน แต่ผมอยากให้เค้าเลิกมองอะไร โลกๆ เสียที
:::ตัวอย่าง ของคนอยากรวย แล้วต้องรวยให้ได้ พอได้รวยก็รู้สึกดี พอกำลังจะไม่รวย ก็ต้องทำตัวให้รวยอีกให้ได้ บางคนไม่สนใจวิธีการ ทำเรื่องบัดซบบัดสีก็ยอม ผมไมไ่ด้ประชดใครอยู่ แต่ผมเห็นตามนั้น คนเหล่านี้ยังต้องวนเวียนกับเรื่องแบบนี้อีกนานแค่ไหน? จนตาย? ตายแล้วก็จบเหรอ? จริงเหรอ? พุทธพูดถึงเรื่องชาติหน้า การเวียนว่ายตายเกิด พิสูจน์ได้ยากสำหรับคนที่ไม่ได้ปฏิบัติจริงจัง ผมรู้แต่ทฤษฏี ผมก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าชาติหน้ามีจริง ทำชั่วๆๆๆๆเข้าไว้ ตายแล้วก็จบกัน อืมม...ก็น่าลองนะ

กลับกลายเป็นว่า คนที่งมงายนั้นเชื่อในเรื่องเกิดดับ มากกว่าคนที่ไม่งมงายแฮะ

เรื่องชาตินี้ชาติหน้า ผมยังหาการเรียบเรียงที่อ่านแล้วเข้าใจได้แจ่มๆไม่เจอ เอาเป็นว่า ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ ตอนนี้ หากติดอยู่แค่นี้ ก็จะไม่ได้สาระที่แท้จริงของพุทธเลย รู้ตามจริงนั้นคือสาระแท้ที่ประเสริฐกว่ามาก

ชาวพุทธหลายคนที่ยังฝักใฝ่ในพิธีกรรม ต้องกรวดน้ำหลังใส่บาตร ต้องลอยอังคารเถ้าคนตาย ต้องทำบังศกุลเป็น-ตายเสดาะเคราะห์ ต้องมีขั้นตอนนี้นั้น ถามว่า รู้หรืือเปล่า ทำไปเพื่ออะไร? ถ้าทำเพราะเค้าทำตามกันมา ทำทำไม? ปัญญานั้นไม่เกิดเพราะมันแต่ศรัทธา เห็นคนหมู่มากกำลังปล่อยโคมลอยวันวิสาขะ ท้องฟ้าสว่างไสว ไปทั่ว บรรยากาศแห่งศรัทธา รู้หรือเปล่า ปล่อยโคมลอยทำไม? สวดมนต์ขจัดรังความต้องสวดพานยักษ์ สวดมันให้หายป่วยไข้ต้องสวดโพชฌงค์ รู้หรือเปล่าว่าทำไม? พอเริ่มตอบคำถามนี้ไปเรื่อยแล้ว และศึกษาเพิ่มก็จะค่อยๆได้คำตอบมาเอง

แต่คำถามรายล้อมแก่นของพุทธนี้ ไม่ได้ทำให้พ้นทุกข์เลย

Comments